คลังบทความภาษาไทย

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ความอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ คือ เมื่อคุณเชื่อและทำตามทุกอย่างที่พระเจ้าสอน..

รักไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือรักของพระเยซู
ความอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ คือ เมื่อคุณเชื่อและทำตามทุกอย่างที่พระเจ้าสอน.........ถึงคุณได้สัมผัสพลังแห่งการเจิมจากเบื้องบน หายป่วยโดยฉับพลัน พระเจ้าพูดเข้ามาในหูได้ยินชัดแจ๋ว วิญญาณชั่วที่สิงได้ออกไป ล้มพระวิญญาณ......จะมีประโยชน์อันใด เมื่อคุณสัมผัสสิ่งเหล่านี้แล้วคุณยังมีชีวิตแบบเดิมๆ อย่างเดิม เท่าเดิม คุณยังเป็นคนเดิม......คุณไม่กล้าที่จะตาย....คุณไม่ยอมตาย.....แล้วคุณจะพบการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่สูงสุดของชีวิตได้อย่างไร.....เพราะฉนั้นจงตายซะ...!!!! แล้วบังเกิดใหม่ เอเมน

"เป็นไปไม่ได้เลย ... ที่เราจะดำเนินชีวิตในโลกท่ามกลางกระแสกดดันต่างๆ

Netsak Sairangka
"เป็นไปไม่ได้เลย ... ที่เราจะดำเนินชีวิตในโลกท่ามกลางกระแสกดดันต่างๆของโลกนี้ แล้วเราจะไม่พึ่งพากำลังฝ่ายวิญญาณ และหันไปอาศัยแต่กำลังเนื้อหนังฝ่ายเดียว"

จึงจำเป็นมากๆที่เราต้องเข้าหาพระเจ้า
"เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังขัดแย้งพระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ขัดแย้งกับเนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ดังนั้นท่านทั้งหลายจึงไม่สามารถทำสิ่งที่ท่านปรารถนาจะทำ" (กท.5:17)
เคยไหม...ที่บางที สิ่งดีมากมายที่เราตั้งใจอยากจะทำ แต่พอถึงเวลากลับทำไม่ได้ เพราะว่าในตัวของเรานั้นมีธรรมชาติของเนื้อหนังอยู่ ... หลายๆครั้งเราเลือกจะทำสิ่งที่ถูกใจมากกว่าสิ่งที่ถูกต้องเสมอ
"คือว่าการดีนั้นซึ่งข้าพเจ้าปรารถนาทำ ก็ไม่ได้ทำ แต่การชั่วซึ่งข้าพเจ้าไม่ปรารถนาทำ ก็ยังทำอยู่ ถ้าแม้ข้าพเจ้ายังทำสิ่งซึ่งไม่ปรารถนาจะทำ ก็ไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าเป็นผู้ทำ แต่บาปซึ่งอยู่ในตัวข้าพเจ้านั่นเองเป็นผู้ทำ" (รม.7:19-20)

แม้ว่าเราจะรู้ว่าอะไรบาป อะไรดี เราได้เรียนรู้ว่าสิ่งใดควรทำและสิ่งใดไม่ควรทำ เรารู้ดี...ทุกสิ่ง อาจจะด้วยเหตุผลหลายๆประการที่เราเผลอทำสิ่งไม่ดีนั้น แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ... แน่นอนเราทุกคนอยากจะทำดีมากกว่าทำชั่ว แต่...บางทีก็ยากที่จะทำจริงๆ
"โอย ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้? ใครจะช่วยให้พ้นจากร่างกายแห่งความตายนี้" (รม.7:24)

ด้วยเหตุนี้...เราจำเป็นต้องเข้ามาพึ่งพาพระวิญญาณฯให้มากๆ ผ่านการเฝ้าเดี่ยว เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเผชิญสิ่งสารพัดในโลกโดยปราศจากการพึ่งพาพระวิญญาณฯผ่านการเฝ้าเดี่ยว

การเฝ้าเดี่ยว ไม่ใช่โปรแกรมๆหนึ่งของชีวิต หากแต่เป็นส่วนหนึ่งและเป็นส่วนสำคัญของชีวิตของเรา และการเฝ้าเดี่ยวเป็นรากฐานที่สำคัญมากของชีวิตในการเดินกับพระเจ้าในแต่ละวัน พระเยซูคริสต์แม้จะทรงเป็นพระเจ้าในสภาพของมนุษย์ พระองค์ก็ทรงให้ความสำคัญของการเฝ้าเดี่ยวเสมอ
"ในเวลาเช้ามืดพระองค์ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่สงบ และทรงอธิษฐานที่นั่น" (มก.1:35)
พระเยซูคริสต์ทรงมีโปรแกรมมากมายในแต่ละวัน แต่พระองค์ก็ทรงให้ความสำคัญกับการเฝ้าเดี่ยวมาก เพราะทรงรู้ว่า หากปราศจากการเฝ้าเดี่ยวก็อาจจะอ่อนกำลังได้ เพราะการเฝ้าเดี่ยว เป็นการเอาชีวิตของเราไปต่อสนิทกับพระเจ้า

และการเฝ้าเดี่ยวนั้น...เป็นการบ่งบอกว่า ไม่มีอะไรที่สำคัญที่สุดนอกจากเรื่องระหว่างเรากับพระเจ้าเท่านั้น ฉะนั้น เราต้องหาที่สงบ เพื่อให้จิตใจสงบ เอาทุกสิ่งที่เรากังวลหรือสิ่งที่เราอยากจะทำนั้นวางไว้ที่แท่นบูชา เอาเวลาคิดถึงแต่ความงดงามของพระเจ้า
"จิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ย จงตื่นเถิด พิณใหญ่และพิณเขาคู่เอ๋ย จงตื่นเถิด ข้าพเจ้าจะปลุกอรุณ ข้าแต่องค์เจ้านาย ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย ข้าพระองค์จะร้องเพลงสดุดีพระองค์ท่ามกลางชาวประเทศทั้งหลาย" (สดด.57:8-9)
"เพราะวันเดียวในบริเวณพระนิเวศของพระองค์ดีกว่าพันวันในที่อื่น ข้าพเจ้าจะขอเป็นคนเฝ้าประตูพระนิเวศพระเจ้าของข้าพเจ้า ดีกว่าอยู่ในเต็นท์ของความอธรรม" (สดด.84:10)

หลายๆครั้งที่เราพ่ายแพ้ และเหนื่อยล้ากับชีวิตเพราะเราสาละวนกับหลายๆสิ่งที่เราทำ เช่น มารธา เมื่อเธอสาละวนกับการปรนนิบัติ แม้จะเป็นการดี แต่สุดท้ายเธอก็เหนื่อยแล้วเธอก็บ่น อย่าลืมว่า...ชีวิตของเรานั้นมันเหมือนการวิ่งมาราธอน ต้องวิ่งและรักษาความสมดุลไม่เร่งแต่ตอนแรกๆ ขณะที่ยังมีกำลังอยู่อะไรๆก็ดูดีหมด แต่ลองหมดกำลังและเหนื่อยสิ อะไรๆก็อาจจะขัดหูขัดตาไปหมดแน่ๆ เช่น มารธา มองว่าสิ่งที่มารีย์ที่กำลังนั่งแทบพระบาทพระเยซูคริสต์เพื่อจะฟังถ้อยคำของพระเจ้านั้น เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยสมควรเท่าไร และก็ขัดหูขัดตาเธอจริงๆ

ฉะนั้น...วันนี้จงเข้ามา ไม่ว่าจะเรื่องของเราเป็นเรื่องอะไร พระเจ้าทรงรอฟังอยู่เสมอ อย่าอายเพราะพระเจ้าทรงทราบดีก่อนที่ลิ้นของเราจะพูดก่อนแล้ว
"ข้าแต่พระยาห์เวห์ แม้ก่อนที่ลิ้นของข้าพระองค์จะพูด พระองค์ก็ทรงทราบความเสียหมดแล้ว" (สดด.139:4)

จงตั้งเวลาเฉพาะที่อยู่กับพระเจ้า อย่าหาเวลาว่างก่อนค่อยจะเฝ้าเดี่ยว เพราะไม่มีวันที่จะหาเวลาว่างนั้นเจอเด็ดขาด และในแต่ละวัน พระเจ้าทรงรอที่จะคุยกับเราเสมอ การเฝ้าเดี่ยวเป็นกระบวนการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าให้สนิทสนมแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

ลองคิดเถิด ... หากเป็นเราเองที่ต้องเอาแต่รอ รอให้ใครบางคนที่เรารักและอยากจะคุยด้วยนั้น ให้ว่างก่อนแล้วค่อยมาหา เราจะรู้สึกอย่างไร และเราจะรู้สึกอย่างไรเมื่อมีใครคนหนึ่งที่เรารักเขาได้ตั้งใจจะมาหาเราเสมอๆ แบบไหนละ...ทีเราชอบ?

และ...การเฝ้าเดี่ยว เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้ร้องทูลเรื่องราวส่วนตัวกับพระเจ้า และวิงวอนเพื่อผู้อื่นด้วย เพื่อพระเจ้าจะทรงเมตตาเราและคนอื่นๆ

เราทูลขอในสิ่งที่จำเป็น และในสิ่งที่เราขาด เพราะว่าเรานั้นถูกสร้างมาอย่างจำกัด และที่เรามีอยู่ในขณะนี้นั้นก็ยังไม่พอ ฉะนั้น...เราจึงเข้ามาเพื่อจะทูลขอต่อพระเจ้า เพราะทรงสัญญาว่า "จงขอแล้วจะได้...จงหาแล้วจะพบ และจงเคาะแล้วจะเปิดให้" (มธ.7:7) อย่าลืมสิ...พระเจ้าของเราทรงเป็นแหล่งแห่งความอุดมสมบูรณ์ สิ่งที่เราขาดแคลนนั้น ในพระเจ้ามีอย่างบริบูรณ์และทรงพร้อมที่จะประทานให้กับทุกๆคนที่ขอต่อพระองค์ เพราะเราคือ "ลูก" มิใช่ "ลูกจ้าง" ที่ต้องทำก่อนค่อยได้รับ แต่จง...เข้ามาอ้อนวอนต่อพระเจ้า แล้วเราจะได้รับทุกสิ่งที่ขาดแคลนอยู่อย่างแน่นอน
"เหล่าสิงห์หนุ่มยังขาดแคลนและหิวโหย แต่ผู้ที่แสวงหาพระยาห์เวห์ไม่ขาดสิ่งดีใดๆ" (สดด.34:10)

อย่าลืม...นะ หากรักพระเจ้าจริงๆก็จงรักทั้งด้วยคำพูด ด้วยความจริง และแสดงออกผ่านการกระทำ อย่าแค่บอกว่ารักพระเจ้า แต่ไม่เคยจะมีเวลาส่วนตัวกับพระเจ้าเลย แล้วเราจะรู้จักจนกลายเป็นคนที่รู้ใจพระเจ้าได้อย่างไร ... ฉะนั้น จงเฝ้าเดี่ยว เพราะเป็นสถานที่ๆเดียวที่เราและพระเจ้าจะพบกันได้เสมอตลอดเวลาด้วย อย่าลืมสิ...พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ ทรงทำได้ทุกสิ่ง การเข้ามาหาพระเจ้า คือ การยอมให้พระเจ้าทรงทำทุกสิ่งในชีวิตของเราในสิ่งที่จำเป็น เกินกำลัง และขาดแคลนอยู่ เพราะพระเจ้าทรงสามารถทำให้สิ่งที่เป็นไปได้ กลับเป็นไปได้ทุกสิ่ง

พระเจ้าอวยพรครับ