คลังบทความภาษาไทย

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Arise & Shine : คำพยานชีวิตคุณชุติมณฑน์

                

คำพยานของคุณอ้อย จะช่วยหนุนใจพี่น้องที่อยู่ในความจำกัดให้ลุกขึ้น ส่องแสงของพระคริสต์ คำพยานที่จะทำให้เรามั่นใจในพระเจ้าว่า ไม่มีใครเล็กน้อย หรือจำกัดเกินกว่าที่พระเจ้าจะใช้ได้ ขอเพียงมีใจ พระเจ้าจะทำการอัศจรรย์อย่างยิ่งใหญ่ผ่านชีวิตที่ยอมให้พระองค์ส่องสว่างแสงของพระองค์ เพราะไม่มีใครเข้าใจคนในพื้นที่ชีวิตของเราได้ดีเท่าเรา ให้เราลุกขึ้นในเป็นตัวแทนของพระองค์ เป็นมือ เป็นกระบอกเสียง เป็นอ้อมกอดของพระเจ้าให้กับผู้คนที่ต้องการความรัก และความช่วยเหลือด้วยความรักของพระองค์ด้วยกัน

แผ่นดินบริสุทธิ์ในสมัยพันธสัญญาใหม่




(คลิกเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น)

  1. ไทระและไซดอน พระเยซูทรงเปรียบเทียบโคราซินและเบธไซดากับไทระและไซดอน (มธ. ๑๑:๒๐–๒๒). พระองค์ทรงรักษาบุตรสาวของหญิงต่างชาติ (มธ. ๑๕:๒๑–๒๘).
  2. ภูเขาแห่งการเปลี่ยนสภาพ พระเยซูทรงเปลี่ยนสภาพต่อหน้าเปโตร, ยากอบ, และยอห์น, และพวกเขาได้รับกุญแจทั้งหลายของอาณาจักร (มธ. ๑๗:๑–๑๓). (บางคนเชื่อว่าภูเขาแห่งการเปลี่ยนสภาพคือภูเขาเฮอร์โมน; บ้างก็เชื่อว่าเป็นภูเขาทาโบร์.)
  3. ซีซารียา ฟีลิปปี เปโตรเป็นพยานว่าพระเยซูคือพระคริสต์และได้รับสัญญาถึงกุญแจทั้งหลายของอาณาจักร (มธ. ๑๖:๑๓–๒๐). พระเยซูทรงบอกล่วงหน้าถึงการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์เอง (มธ. ๑๖:๒๑–๒๘).
  4. เขตกาลิลี พระเยซูทรงอุทิศพระชนม์ชีพและการปฏิบัติศาสนกิจส่วนใหญ่ของพระองค์ในกาลิลี (มธ. ๔:๒๓–๒๕). ที่นี่พระองค์ประทานคำเทศนาบนภูเขา (มธ. ๕–๗); ทรงรักษาคนโรคเรื้อน (มธ. ๘:๑–๔); และทรงเลือก, ทรงแต่งตั้ง, และทรงส่งอัครสาวกสิบสองออกไป, ซึ่งในบรรดาคนเหล่านั้นมีเพียงยูดาสอิสคาริโอทเท่านั้นที่ปรากฏว่าไม่ใช่ชาวกาลิลี (มาระโก ๓:๑๓–๑๙). ในกาลิลีพระคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ทรงปรากฏต่อบรรดาอัครสาวก (มธ. ๒๘:๑๖–๒๐).
  5. ทะเลกาลิลี, ต่อมาเรียกว่าทะเลทิเบเรียส พระเยซูทรงสอนจากเรือของเปโตร (ลูกา ๕:๑–๓) และทรงเรียกเปโตร, อันดรูว์, ยากอบ, และ ยอห์นเป็นผู้หาคนดั่งหาปลา (มธ. ๔:๑๘–๒๒; ลูกา ๕:๑–๑๑). พระองค์ยังทรงห้ามพายุอีกด้วย (ลูกา ๘:๒๒–๒๕), ทรงสอนคำอุปมาจากเรือ (มธ. ๑๓), ทรงดำเนินบนทะเล (มธ. ๑๔:๒๒–๓๒), และทรงปรากฏต่อบรรดาสานุศิษย์ของพระองค์หลังการฟื้นคืนพระชนม์ (ยอห์น ๒๑).
  6. เบธไซดา เปโตร, อันดรูว์, และฟีลิปเกิดในเบธไซดา (ยอห์น ๑:๔๔). พระเยซูเสด็จออกไปใกล้เบธไซดาเป็นการส่วนพระองค์กับบรรดาอัครสาวก. ฝูงชนตามพระองค์ไป, และพระองค์ทรงเลี้ยงคน ๕,๐๐๐ คน (ลูกา ๙:๑๐–๑๗; ยอห์น ๖:๑–๑๔). ที่นี่พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด (มาระโก ๘:๒๒–๒๖).
  7. คาเปอรนาอุม ที่นี่เป็นบ้านของเปโตร (มธ. ๘:๕, ๑๔). ในคาเปอรนาอุม, ซึ่งมัทธิวเรียกว่าเมืองของพระเยซู “เมืองของพระองค์เอง”, พระเยซูทรงรักษาคนง่อย (มธ. ๙:๑–๗; มาระโก ๒:๑–๑๒), ทรงรักษาคนรับใช้ของนายร้อย, ทรงรักษาแม่ยายของเปโตร (มธ. ๘:๕–๑๕), ทรงเรียกมัทธิวให้เป็นหนึ่งในอัครสาวกของพระองค์ (มธ. ๙:๙), ทรงเปิดดวงตาของคนตาบอด, ทรงขับมาร (มธ. ๙:๒๗–๓๓), ทรงรักษาชายที่มือลีบในวันสะบาโต (มธ. ๑๒:๙–๑๓), ประทานโอวาทเรื่องอาหารแห่งชีวิต (ยอห์น ๖:๒๒–๖๕), และทรงเห็นด้วยเรื่องการจ่ายภาษี, โดยรับสั่งให้เปโตรหยิบเงินจากปากของปลา (มธ. ๑๗:๒๔–๒๗).
  8. มักดาลา นี่คือบ้านของมารีย์ชาวมักดาลา (มาระโก ๑๖:๙). พระเยซูเสด็จมาที่นี่หลังจากเลี้ยงคน ๔,๐๐๐ คน (มธ. ๑๕:๓๒–๓๙), และพวกฟาริสีกับพวกสะดูสีขอให้พระองค์ทรงแสดงเครื่องหมายจากสวรรค์แก่พวกเขา (มธ. ๑๖:๑–๔).
  9. คานา พระเยซูทรงทำให้น้ำกลายเป็นเหล้าองุ่น (ยอห์น ๒:๑–๑๑) และทรงรักษาบุตรชายของข้าราชการซึ่งอยู่ที่คาเปอรนาอุม (ยอห์น ๔:๔๖–๕๔). คานาเป็นบ้านของนาธานาเอลด้วย (ยอห์น ๒๑:๒).
  10. นาซาเร็ธ เทวประกาศถึงมารีย์กับโยเซฟเกิดขึ้นในนาซาเร็ธ (มธ. ๑:๑๘–๒๕; ลูกา ๑:๒๖–๓๘; ๒:๔–๕). เมื่อกลับจากอียิปต์แล้ว, พระเยซูทรงเจริญวัยที่นี่ในวัยเด็กและวัยหนุ่ม (มธ. ๒:๑๙–๒๓; ลูกา ๒:๕๑–๕๒), ทรงประกาศว่าพระองค์คือพระเมสสิยาห์, และทรงถูกปฏิเสธจากผู้คนของพระองค์เอง (ลูกา ๔:๑๔–๓๒).
  11. เยรีโค พระเยซูทรงรักษาคนตาบอดให้มองเห็นได้ (ลูกา ๑๘:๓๕–๔๓). พระองค์เสวยพระกระยาหารกับศักเคียส, “นายด่านภาษี” (ลูกา ๑๙:๑–๑๐).
  12. เบธาบารา ยอห์น ผู้ถวายบัพติศมาเป็นพยานว่าเขาคือ “เสียงของผู้ที่ร้องประกาศในถิ่นทุรกันดาร” (ยอห์น ๑:๑๙–๒๘). ยอห์นถวายบัพติศมาพระเยซูในแม่น้ำจอร์แดนและเป็นพยานว่าพระเยซูคือพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า (ยอห์น ๑:๒๘–๓๔).
  13. แดนทุรกันดารยูเดีย ยอห์น ผู้ถวายบัพติศมาสั่งสอนในแดนทุรกันดารนี้ (มธ. ๓:๑–๔), ซึ่งที่นั่นพระเยซูทรงอดอาหาร ๔๐ วันและทรงถูกล่อลวง (มธ. ๔:๑–๑๑).
  14. เอมมาอูส พระคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ทรงดำเนินบนถนนสู่เอมมาอูสพร้อมกับสานุศิษย์สองคนของพระองค์ (ลูกา ๒๔:๑๓–๓๒).
  15. เบธฟายี สานุศิษย์สองคนจูงลูกลาตัวหนึ่งมาให้พระเยซูและพระองค์ทรงลาตัวนั้นเข้าไปในเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต (มธ. ๒๑:๑–๑๑).
  16. เบธานี นี่คือบ้านของมารีย์, มารธา, และลาซารัส (ยอห์น ๑๑:๑). มารีย์ได้ยินพระวจนะของพระเยซู, และพระเยซูรับสั่งกับมารธาเรื่องการเลือก “ส่วนดี” (ลูกา ๑๐:๓๘–๔๒); พระเยซูทรงทำให้ลาซารัสลุกขึ้นจากความตาย (ยอห์น ๑๑:๑–๔๔); และมารีย์เจิมพระบาทของพระเยซู (มธ. ๒๖:๖–๑๓; ยอห์น ๑๒:๑–๘).
  17. เบธเลเฮม พระเยซูประสูติและมารีย์วางพระองค์ไว้ในรางหญ้า (ลูกา ๒:๑–๗); เหล่าเทพส่งข่าวแก่บรรดาคนเลี้ยงแกะถึงการประสูติของพระเยซู (ลูกา ๒:๘–๒๐); ดาวดวงหนึ่งนำทางบรรดาโหราจารย์ไปเฝ้าพระเยซู (มธ. ๒:๑–๑๒); และเฮโรดสังหารเด็ก ๆ (มธ. ๒:๑๖–๑๘).

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561

สอนลูกวัยรุ่นให้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย

 ปัญหา

เมื่อคุณดูข่าวแล้วเห็นว่าอินเทอร์เน็ตถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ การล่อลวงทางเพศ และการขโมยข้อมูลส่วนตัว คุณคงรู้สึกเป็นห่วงลูกวัยรุ่นของคุณที่ชอบออนไลน์บ่อย ๆ และดูเหมือนลูกก็ไม่รู้ว่าตัวเองอาจตกเป็นเหยื่อได้
คุณสามารถ ช่วยลูกวัยรุ่นของคุณให้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยได้ แต่ก่อนอื่นขอให้คิดถึงบางอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับโลกออนไลน์

สิ่งที่คุณควรรู้

วัยรุ่นออนไลน์ผ่านมือถือหรือแท็บเล็ตได้ การตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ตรงจุดที่ทุกคนในบ้านมองเห็นได้นับว่าเป็นกฎที่ดี แต่มือถือและแท็บเล็ตก็เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ลูกของคุณจึงออนไลน์ได้อย่างง่ายดายโดยที่คุณไม่รู้เลย ว่าเขากำลังดูอะไร หรือคุยกับใคร


พ่อยื่นกุญแจรถให้ลูกชาย


ที่จริง อุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถไม่ได้ทำให้การขับรถกลายเป็นเรื่องผิด หลักการเดียวกันนี้ก็ใช้ได้กับอินเทอร์เน็ตด้วย การใช้อินเทอร์เน็ตไม่ผิด แต่ลูกวัยรุ่นของคุณจำเป็นต้องรู้วิธี “ใช้” อย่างปลอดภัย
วัยรุ่นบางคนใช้เวลาออนไลน์มากเกินไป สาววัย 19 ยอมรับว่า “ตอนเปิดคอมพิวเตอร์ฉันกะว่าจะเช็คอีเมลสัก 5 นาทีเท่านั้น แต่ไป ๆ มา ๆ ฉันกลับนั่งดูวีดีโอเป็นชั่วโมง ๆ ฉันต้องควบคุมตัวเองให้มากกว่านี้”
วัยรุ่นอาจเปิดเผยเรื่องส่วนตัวมากเกินไปบนโลกออนไลน์ คนที่มีเจตนาไม่ดีอาจปะติดปะต่อข้อมูลที่ได้จากคอมเมนต์ (ความคิดเห็น) และรูปภาพของลูก เช่น ข้อมูลว่าเขาอยู่ที่ไหน ไปโรงเรียนอะไร และตอนไหนที่ไม่มีใครอยู่บ้าน
วัยรุ่นบางคนไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาโพสต์จะก่อผลอะไรตามมา รูปภาพหรือข้อความที่โพสต์ (ส่ง) บนอินเทอร์เน็ตก็จะอยู่อย่างนั้นไปตลอด สิ่งที่น่าอายซึ่งบางคนคิดว่าเขาลบออกไปแล้วอาจมีคนเข้าไปอ่านหรือพบเจอในภายหลังได้ เช่น บางครั้งนายจ้างอาจดูประวัติของผู้สมัครงานโดยใช้ข้อมูลจากโลกออนไลน์ด้วย
แม้ว่ามีหลายอย่างที่ดูน่าเป็นห่วง แต่ขอให้จำไว้ว่า อินเทอร์เน็ตไม่ใช่ศัตรูของคุณ แทนที่จะเป็นอย่างนั้น การใช้อย่างไม่ฉลาด ต่างหากที่จะทำให้เกิดปัญหา

 สิ่งที่คุณทำได้

สอนลูกให้รู้จักจัดลำดับความสำคัญและแบ่งเวลาให้ถูก ถ้าเราอยากให้ลูกโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ ต้องสอนให้เขารู้ว่าควรทำสิ่งไหนก่อนหลัง การพูดคุยกันในครอบครัว การบ้าน และงานบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการเอาแต่เล่นอินเทอร์เน็ตไปเรื่อยเปื่อย ถ้าลูกใช้เวลาออนไลน์มากจนน่าเป็นห่วง คุณต้องจำกัดเวลาหรือถ้าจำเป็นอาจถึงกับต้องใช้นาฬิกาจับเวลากันเลยทีเดียว—คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล: ฟิลิปปอย 1:10
สอนลูกให้คิดก่อนโพสต์ ช่วยลูกวัยรุ่นให้คิดว่า คอมเมนต์ที่ฉันกำลังจะโพสต์มันจะทำให้คนอื่นเสียใจหรือเจ็บใจไหม? ชื่อเสียงของฉันจะเสียหายไหมถ้าโพสต์รูปนี้ไป? ฉันจะรู้สึกอับอายไหมถ้าพ่อแม่หรือผู้ใหญ่คนอื่นมาเห็นรูปหรือคอมเมนต์นี้เข้า? คนอื่นจะคิดว่าฉันเป็นคนอย่างไรถ้าเขาเห็นรูปนี้? ฉันจะคิดอย่างไรถ้าเห็นคนอื่นโพสต์รูปหรือคอมเมนต์แบบนี้?—คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล: สุภาษิต 10:23
สอนลูกให้รู้จักคิดว่าอะไรถูกอะไรผิด ไม่ใช่เอาแต่ตั้งกฎ คุณไม่มีทางจะตามดูลูกได้ทุกฝีก้าวว่าเขาทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ดังนั้น เป้าหมายของพ่อแม่คือไม่ใช่คอยควบคุมลูก แต่ช่วยลูกให้ “ฝึกใช้วิจารณญาณเพื่อจะแยกออกว่าอะไรถูกอะไรผิด” (ฮีบรู 5:14) ดังนั้น แทนที่จะเน้นแต่กฎเกณฑ์และการลงโทษเป็นหลัก คุณน่าจะฝึกลูกให้รู้จักคิดอย่างมีเหตุผลว่าเขาอยากมีชื่อเสียงแบบไหน? อยากให้คนอื่นรู้จักเขาว่าเป็นคนแบบไหน? เป้าหมายของคุณคือ ช่วยลูกวัยรุ่นให้รู้จักตัดสินใจอย่างฉลาดสุขุมเสมอไม่ว่าตอนนั้นคุณจะอยู่ด้วยหรือไม่—คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล: สุภาษิต 3:21
“ถึงวัยรุ่นจะรู้เรื่องเทคโนโลยีมากกว่า แต่พ่อแม่ก็รู้เรื่องชีวิตมากกว่า”
การท่องโลกอินเทอร์เน็ตก็เหมือนกับการขับรถ ไม่ใช่แค่รู้วิธีขับ แต่ต้องรู้จักใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจด้วย คำแนะนำของพ่อแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังที่เพอร์รี อัฟแท็บ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของอินเทอร์เน็ตกล่าวไว้ว่า “ถึงวัยรุ่นจะรู้เรื่องเทคโนโลยีมากกว่า แต่พ่อแม่ก็รู้เรื่องชีวิตมากกว่า”