คำตอบ: คุณเคยต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดเป็นการส่วนตัวของคุณไหม? ก่อนที่คุณจะตอบ ขอข้าพเจ้าอธิบายคำถามให้คุณเข้าใจเสียก่อน นั่นคือ การที่คุณจะเข้าใจคำถามนี้อย่างชัดเจน คุณจะต้องเข้าใจเสียก่อนว่า คำว่า “พระเยซูคริสต์” “ส่วนตัว” และ “พระผู้ช่วยให้รอด” หมายความว่าอะไร
พระเยซูคริสต์คือใคร? หลายคนตอบว่าพระเยซูคริสต์คือคนดีคนหนึ่ง, คืออาจารย์ที่สอนเก่ง หรือคือผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า คำตอบเหล่านี้ถูกทั้งนั้น แต่มันไม่ได้ชี้ชัดเจนว่าพระองค์ทรงเป็นใครโดยแท้จริง พระคัมภีร์บอกเราว่าพระเยซูคือพระเจ้าในสภาพมนุษย์ที่มีเนื้่อหนัง (ดูยอห์น 1:1, 14)
1 ในเริ่มแรกนั้นพระวาทะทรงเป็นอยู่แล้ว และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า
14 พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นเนื้อหนัง และทรงอยู่ท่ามกลางเรา (และเราทั้งหลายได้เห็นสง่าราศีของพระองค์ คือสง่าราศีอันสมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา) บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง
พระเจ้าทรงเสด็จมาในโลกนี้เพื่อสั่งสอนเรา, รักษาเรา, แก้ไขตักเตือนเรา, ยกโทษให้เรา – และทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา! พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า, ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
พระผู้ช่วยให้รอดคือใคร และทำไมเราจึงต้องการพระองค์? พระคัมภีร์บอกว่าเราทั้งหลายได้ทำความผิดบาป, เราทุกคนได้เคยทำสิ่งที่ไม่ดีงาม (โรม 3:10-18)
10 ตามที่มีเขียนไว้แล้วว่า `ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย
11 ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้า
12 เขาทุกคนหลงทางไปหมด เขาทั้งปวงเป็นคนไร้ค่าเหมือนกันทั้งสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี ไม่มีเลย
13 ลำคอของเขาคือหลุมฝังศพที่เปิดอยู่ เขาใช้ลิ้นของเขาในการล่อลวง ภายใต้ริมฝีปากของเขามีพิษของงูร้าย
14 ปากของเขาเต็มด้วยคำแช่งด่าและคำขมขื่น
15 เท้าของเขาว่องไวในการทำให้นองเลือด
16 ในทางเดินของเขามีความพินาศและความทุกข์
17 และเขาไม่รู้จักทางแห่งสันติสุข
18 ในแววตาของเขาไม่มีความเกรงกลัวพระเจ้า'
จากการทำบาปของเรานี้เอง จึงเป็นการสมควรที่พระเจ้าจะทรงพิโรธและพิพากษาเรา การลงโทษที่ยุติธรรมสำหรับความบาปที่เราได้กระทำลงไปต่อพระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่โดยไม่มีจุดจบชั่วนิจนิรันดร์ คือการลงโทษอย่างไม่มีจุดจบชั่วนิจนิรันดร์ เช่นกัน (โรม 6:23; วิวรณ์ 20:11)
23 เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานของพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
11 ข้าพเจ้าได้เห็นพระที่นั่งใหญ่สีขาว และเห็นพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น และแผ่นดินโลกและฟ้าอากาศก็อันตรธานไปจากพระพักตร์พระองค์ และไม่มีที่อยู่สำหรับแผ่นดินโลกและฟ้าอากาศนั้นต่อไปเลย
พระเยซูคริสต์เสด็จมาในโลกนี้และสิ้นพระชนม์แทนเรา การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูในฐานะพระเจ้าในสภาพมนุษย์ เป็นการไถ่บาปอย่างไม่มีการสิ้นสุดให้กับเรา (2 โครินธ์ 5:21)
21 เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาป ให้เป็นความบาปเพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์
พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อจ่ายค่าจ้างแห่งความบาปแทนเรา (โรม 5:8)
8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
พระเยซูทรงรับผลแห่งความบาปไปแล้ว เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องรับผลนั้น การฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์พิสูจน์ว่าการสิ้นพระชนมฺ์ของพระองค์ก็เพียงพอแล้วสำหรับค่าจ้างแห่งความบาปของเรา นี่คือเหตุผลว่าทำไมพระเยซูจึงทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดพระองค์เดียวเท่านั้น (ยอห์น 14:6; กิจการ 4:12)!
ยอห์น 14:6;
6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรากิจการ 4:12
12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า"
คุณวางใจในพระเยซูในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของคุณไหม?
พระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดเป็นการ“ส่วนตัว” ของคุณหรือไม่? หลายคนมองว่าการเป็นคริสเตียนคือการไปโบสถ์ การไปทำพิธีทางศาสนา, การละเว้นการทำบาปบางชนิด แต่นั่นไม่ใช่การเป็นคริสเตียน การเป็นคริสเตียนที่แท้จริงคือการมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเยซูคริสต์ การต้อนรับพระเยซูเข้ามาในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดเป็นการส่วนตัวของคุณหมายความว่าคุณเชื่อและวางใจในพระองค์เป็นการส่วนตัว ไม่มีใครรอดพ้นจากความบาปได้จากความเชื่อของคนอื่น ไม่มีใครสามารถได้รับการยกโทษด้วยการกระทำบางอย่างได้ ทางเดียวที่คุณสามารถรอดได้คือการต้อนรับพระเยซูเข้ามาในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของคุณเป็นการส่วนตัว และเชื่อว่าการสิ้นพระชนม์ของพระองค์คือการไถ่บาปให้กับคุณ และการฟื้นคืนพระชนม์คือการรับประกันว่าคุณจะได้รับชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น 3:16) พระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดเป็นการส่วนตัวของคุณหรือยัง?
16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
หากคุณต้องการต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดเป็นการส่วนตัวของคุณ ขอให้ท่านอธิษฐานดังนี้กับพระเจ้า แต่จงจำไว้ว่า การอธิษฐานด้วยถ้อยคำเหล่านี้หรือถ้อยคำอื่น ๆ ไม่ได้ช่วยให้คุณรอดจากความบาป การวางใจในพระคริสต์เท่านั้นที่จะช่วยให้คุณรอดได้ คำอธิษฐานนี้เป็นเพียงแต่วิธีง่าย ๆ ในการแสดงออกต่อพระเจ้าว่าคุณเชื่อในพระองค์ และเป็นการขอบคุณพระองค์ที่ได้ทรงจัดเตรียมความรอดไว้ให้คุณ “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์รู้ว่าข้าพระองค์ได้กระทำผิดบาปต่อพระองค์และสมควรที่จะได้รับโทษ แต่พระเยซูคริสต์ทรงรับโทษที่ข้่าพระองค์สมควรจะได้รับแทนข้าพระองค์ไปแล้ว เพื่อว่าโดยความเชื่อในพระองค์ข้าพระองค์จะได้รับการยกโทษ ข้าพระองค์ขอหันหลังให้กัีบความบาปของข้าพระองค์และขอวางใจในพระองค์สำหรับความรอดพ้นจากความบาป ข้าพระองค์ขอต้อนรับพระเยซูเข้ามาในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดส่่วนตัวของข้าพระองค์! ขอบคุณพระองค์สำหรับพระคุณและการให้อภัยบาปอันแสนอัศจรรย์ ซึ่งเป็นของขวัญแห่งชีวิตนิรันดร์ที่มาจากพระองค์! ขออธิษฐานในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์ อาเมน!”
คุณได้ตัดสินใจเชื่อพระเจ้าเพราะสิ่งที่คุณได้อ่านพบจากที่นี่ใช่หรือไม่? ถ้าใช่.. กรุณาคลิกปุ่ม “ฉันได้รับพระคริสต์เข้ามาในชีวิตตั้งแต่วันนี้”
ฉันได้รับพระคริสต์เข้ามาในชีวิตตั้งแต่วันนี้
--------------------
ฉันได้รับเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์แล้ว... ต้องทำอะไรต่อจากนี้?
ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่ง..! คุณได้ตัดสินใจเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณแล้ว บางทีคุณอาจจะมีคำถามว่า “ แล้วต้องทำอะไรต่อจากนี้? ฉันจะเริ่มต้นการเดินทางไปกับพระเจ้าได้อย่างไร?” คุณจะทราบได้จาก 5 ขั้นตอนข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นวิถีทางที่นำมาจากพระคัมภีร์
1. คุณต้องมั่นใจว่าเข้าใจเรื่องการไถ่บาป
ในพระธรรม (1 ยอห์น 5:13) เขียนไว้ว่า “ ข้อความเหล่านี้ ข้าพเจ้าได้เขียนถึงท่านทั้งหลาย ที่เชื่อในพระนามของพระบุตรของพระเจ้า เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่าท่านมีชีวิตนิรันดร์” พระเจ้าทรงประสงค์ให้เรามาเข้าใจเรื่องการไถ่บาป.. พระองค์ทรงต้องการให้เรามีความมั่นใจว่า เราได้รับความรอดอย่างแน่นอน เรามาดูประเด็นสำคัญ ๆ ของเรื่องการไถ่บาปด้วยกันดีกว่า :
(ก) เราทุกคนมีความบาป เราได้กระทำสิ่งที่ทำให้พระเจ้าเสียพระทัย พระธรรม (โรม 3:23)
23 เหตุว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า
(ข) เพราะความบาปของเราสมควรได้รับโทษโดยถูกตัดขาดจากพระเจ้าตลอดกาล พระธรรม (โรม 6:23)
23 เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานของพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
(ค) พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อรับโทษบาปแทนเรา พระธรรม (โรม 5:8 และ 2 โครินธ์ 5:21)
โรม 5:8
8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา 2 โครินธ์ 5:21)
21 เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาป ให้เป็นความบาปเพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์
พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์.. เพื่อรับโทษทัณฑ์ทั้งหมดที่เราสมควรได้รับและการฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นใหม่ เป็นสิ่งพิสูจน์ว่าความตายที่พระเยซูทรงรับไว้นั้นเพียงพอสำหรับการไถ่โทษบาปของเราแล้ว
(ง) พระเจ้าทรงให้อภัยและไถ่ชีวิตทุกคนที่มีความเชื่อในพระเยซูโดยที่เราได้เชื่อวางใจว่าพระองค์ทรงรับโทษบาปแทนเราที่ความตายนั้นแล้ว พระธรรม (ยอห์น 3:16 โรม 5:1 และ โรม 8:1)
ยอห์น 3:16
16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
โรม 5:1
1 เหตุฉะนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว เราจึงมีสันติสุขกับพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
โรม 8:1
1 เหตุฉะนั้นการปรับโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ
..นั่นคือข้อความที่เกี่ยวกับการไถ่บาป..! หากคุณเชื่อว่า พระเยซูคริสต์คือองค์พระผู้ช่วยให้รอดคุณก็ได้รับความรอดแล้ว ความบาปทั้งหมดของคุณ ก็จะได้รับการให้อภัยและพระเจ้าทรงสัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งคุณ (โรม 8:38-39 และ มัทธิว 28:20)
โรม 8:38-39
38 เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือทูตสวรรค์ หรือผู้มีบรรดาศักดิ์ หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า
39 หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งอื่นใดๆที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถกระทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้มัทธิว 28:2020 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกท่านไว้ ดูเถิด เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นโลก เอเมน"
38 เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือทูตสวรรค์ หรือผู้มีบรรดาศักดิ์ หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า
39 หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งอื่นใดๆที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถกระทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้มัทธิว 28:2020 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกท่านไว้ ดูเถิด เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นโลก เอเมน"
28 เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้น และแกะนั้นจะไม่พินาศเลย และจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้นไปจากมือของเราได้
29 พระบิดาของเราผู้ประทานแกะนั้นให้แก่เราเป็นใหญ่กว่าทุกสิ่ง และไม่มีผู้ใดสามารถชิงแกะนั้นไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาของเราได้
ถ้าคุณได้ไว้วางใจในพระเยซูว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคุณแล้ว..เพียงเท่านั้น คุณก็จงมั่นใจได้ว่าคุณจะได้มีชีวิตนิรันดร์กับพระเจ้าในสวรรค์อย่างแน่นอน
2. หาคริสตจักรดี ๆ ที่สอนพระคำของพระเจ้า
อย่าเข้าใจว่าคริสตจักรคือตัวอาคารสถานที่ แต่คริสตจักรคือเหล่าผู้เชื่อ..เป็นสิ่งสำคัญมากที่ผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์จำเป็นต้องมีการสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน นี่คือวัตถุประสงค์หลักอย่างหนึ่งของคริสตจักร เมื่อคุณมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์แล้ว เราขอหนุนใจให้คุณหาคริสตจักรที่เชื่อตามพระคัมภีร์ในพื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่ และให้คุณคุยกับศิษยาภิบาลประจำที่นั่น..บอกให้ท่านทราบถึงความเชื่อใหม่ของคุณที่มีในองค์พระเยซูคริสต์
วัตถุประสงค์ที่สองของคริสตจักรคือเพื่อสอนพระคัมภีร์ คุณจะได้เรียนรู้ว่าคุณจะนำพระคำของพระเจ้าไปปรับใช้ในชีวิตของคุณได้อย่างไรบ้าง..? การทำความเข้าใจในพระคัมภีร์เป็นกุญแจสำคัญที่นำเราไปสู่การมีชีวิตคริสเตียนที่สมบูรณ์และเต็มไปด้วยพลัง ในพระธรรม (2 ทิโมธี 3:16-17) เขียนไว้ว่า “ พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดีและการอบรมในทางธรรมเพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง”
16 พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในเรื่องความชอบธรรม
17 เพื่อคนของพระเจ้าจะดีรอบคอบ พรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง
วัตถุประสงค์ที่สามของคริสตจักรคือเพื่อการนมัสการพระเจ้า การนมัสการคือการสรรเสริญและขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเรา... พระองค์ทรงไถ่เราให้รอด ทรงรักเรา ทรงจัดเตรียมทุกอย่างให้เรา ทรงนำและชี้ทางให้เรา แล้วเราจะไม่ขอบพระคุณพระองค์ได้อย่างไร..! พระองค์ทรงบริสุทธิ์ ทรงเที่ยงธรรม ทรงเปี่ยมด้วยความรัก เมตตา และพระคุณ ในพระธรรม (วิวรณ์ 4:11) ได้กล่าวไว้ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายพระองค์ทรงสมควรที่จะได้รับคำสรรเสริญพระเกียรติและฤทธิ์เดชเพราะว่าพระองค์ได้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวงและสรรพสิ่งทั้งปวงนั้นก็ทรงสร้างขึ้นแล้วและดำรงอยู่ตามชอบพระทัยของพระองค์"
11 "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงสมควรที่จะได้รับคำสรรเสริญ พระเกียรติ และฤทธิ์เดช เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงนั้นก็ทรงสร้างขึ้นแล้วและดำรงอยู่ตามชอบพระทัยของพระองค์"
3. จัดเวลาในแต่ละวันสำหรับพระเจ้า
เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเราที่จะจัดเวลาในแต่ละวันสำหรับเรากับพระเจ้า บางคนเรียกช่วงเวลานี้ว่า “การเฝ้าเดี่ยว” บ้างก็เรียกว่า “การสนทนากับพระเจ้า” เพราะนี่คือเวลาส่วนตัวของเรากับพระเจ้า บางคนใช้เวลาในช่วงเช้าตรู่ บางคนใช้เวลาช่วงเย็น สิ่งสำคัญของการใช้เวลากับพระเจ้านี้ไม่ได้อยู่ที่เราเรียกช่วงเวลานั้นว่าอะไร หรือใช้เวลาเมื่อใด แต่อยู่ที่เราได้ใช้เวลานี้เป็นประจำกับพระองค์..แล้ว คุณจะใช้เวลากับพระเจ้าในการทำสิ่งใดบ้าง?
(ก) อธิษฐาน – การอธิษฐานเป็นการสนทนากับพระเจ้าอย่างง่าย ๆ คุยกับพระเจ้าถึงความกังวลใจ หรือปัญหาที่เรามีอยู่ ขอสติปัญญาและการทรงนำจากพระเจ้า ขอพระองค์ประทานสิ่งที่จำเป็นให้กับคุณ ทูลให้พระองค์ทรงทราบว่าคุณรักพระองค์มากเพียงไร..? และคุณรู้สึกขอบพระคุณในสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำให้มากเพียงใด นั่นคือสิ่งที่เราอธิษฐาน…
(ข) อ่านพระคัมภีร์ – นอกเหนือจากการศึกษาพระคัมภีร์ในชั้นเรียนวันอาทิตย์ หรือชั้นเรียนพระคัมภีร์อื่น ๆ แล้ว คุณจำเป็นต้องอ่านพระคัมภีร์ด้วยตัวเองเช่นกัน พระคัมภีร์มีทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทราบในการใช้ชีวิตคริสเตียนอย่างสมบูรณ์ ในพระคัมภีร์มีแนวทางของพระเจ้าที่ทำให้เราทราบถึงการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ได้ทราบถึงน้ำพระทัยพระเจ้า ตลอดจนการช่วยเหลือผู้อื่น และการเจริญขึ้นทางฝ่ายจิตวิญญาณ พระคัมภีร์คือพระคำของพระเจ้าสำหรับพวกเรา เป็นคู่มือที่จำเป็นอย่างยิ่งในการทำให้เราใช้ชีวิตได้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าและทำให้เรามีความสุขที่แท้จริง
4. มีสายสัมพันธ์กับบุคคลที่สามารถพัฒนาช่วยเหลือคุณในฝ่ายจิตวิญญาณได้
พระธรรม (1 โครินธ์ 15:33) กล่าวไว้ว่า “ อย่าหลงเลย การคบคนชั่วย่อมเสียนิสัย ”
33 อย่าหลงเลย การคบกับคนชั่วย่อมทำให้นิสัยที่ดีเสียไป
พระคัมภีร์นั้นเต็มไปด้วยคำเตือนเกี่ยวกับอิทธิพลของคนชั่วที่อาจส่งผลต่อเราได้ การใช้เวลากับคนที่กระทำชั่วจะเป็นสิ่งที่ยั่วยุและนำเราให้หลงไปกระทำการนั้นได้ นิสัยของคนที่อยู่รอบตัวเรา ย่อมจะติดตัวเรามา นั่นคือเหตุผลว่า ทำไมจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่เราจะต้องอยู่ในท่ามกลางบุคคลอื่น ๆ ที่รักและถวายตัวให้กับพระเจ้า
ให้คุณพยายามหาเพื่อนสักคนหรือสองคน ซึ่งอาจจะเป็นเพื่อนในคริสตจักร ผู้ซึ่งสามารถช่วยคุณ และหนุนน้ำใจคุณได้เสมอ (ฮีบรู 3:13 และ 10:24)
13 ท่านจงเตือนสติกันและกันทุกวัน ตลอดเวลาที่เรียกว่า "วันนี้" เพื่อว่าจะไม่มีผู้ใดในพวกท่านมีใจแข็งกระด้างไปเพราะเล่ห์กลของบาป
24 และให้เราพิจารณาดูกันและกัน เพื่อเป็นเหตุให้มีความรักและกระทำการดี
ขอให้เพื่อนของคุณคอยหนุนใจคุณให้ใช้เวลากับพระเจ้าและเดินไปกับพระเจ้า และถามเขาว่าขอให้คุณกระทำอย่างเดียวกันนี้ให้แก่เขาได้หรือไม่ นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเลิกคบกับเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้เชื่อในพระคริสต์เหมือนกับคุณ แต่ขอให้คุณยังเป็นเพื่อนกับเขา และรักเขาต่อไป เพียงแค่บอกให้เขารู้ว่าพระเยซูได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณอย่างไร และบอกเขาว่าตอนนี้คุณไม่สามารถประพฤติตนเหมือนอย่างที่เคยกระทำในอดีตได้แล้ว และขอให้พระเจ้าประทานโอกาสให้คุณได้แบ่งปันเรื่องพระเยซูกับเพื่อน ๆ ของคุณได้ด้วย…
5. รับบัพติศมา
คนเป็นจำนวนมากเข้าใจผิดเกี่ยวกับการรับบัพติศมา.. คำว่า “ บัพติศมา ” แปลว่า จุ่มลงน้ำ บัพติศมาเป็นศัพท์ทางพระคัมภีร์ ในการประกาศความเชื่อใหม่ที่คุณมีในพระคริสต์ และคำมั่นสัญญาว่าคุณจะติดตามพระองค์ การจุ่มลงน้ำแสดงถึงการที่เราฝังตัวเก่าไปกับพระคริสต์ และการที่เราขึ้นมาจากน้ำนั้น เป็นภาพของการมีชีวิตใหม่ดุจการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ การได้รับบัพติศมาจึงเป็นการแสดงตนว่า คุณได้ตายไปกับพระคริสต์ ถูกฝังกับพระองค์ และเป็นขึ้นมากับพระองค์แล้ว (โรม 6:3-4)
3 ท่านไม่รู้หรือว่า เราทั้งหลายที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมานั้นเข้าในความตายของพระองค์
4 เหตุฉะนั้นเราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้วโดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในความตายนั้น เหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยเดชพระรัศมีของพระบิดาอย่างไร เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น
การรับบัพติศมา ไม่ใช่สิ่งที่ช่วยให้คุณรอด และไม่ใช่สิ่งที่ลบล้างความบาปของคุณ แต่เป็นเพียงก้าวแรกแห่งการเชื่อฟัง และการประกาศถึงความเชื่อที่มีในองค์พระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอด และการรับบัพติศมาเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะเป็นก้าวแรกแห่งการเชื่อฟัง เป็นการประกาศความเชื่อในพระเยซูคริสต์และสัญญาที่เรามีต่อพระองค์ ถ้าคุณพร้อมรับบัพติศมา คุณก็ควรจะพูดกับศิษยาภิบาลของคุณได้เสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น