คลังบทความภาษาไทย
- หน้าแรก
- เปรียบเทียบความเชื่อศาสนาต่าง ๆ
- เรื่องน่ารู้สำหรับผู้เชื่อใหม่
- วีดีโอคำพยาน
- ประวัติอัครสาวกทั้ง 12 คน
- โองการ
- My Inspiration Quotes
- ก่อนตายต้องรู้
- Keep Praying
- bright romance แสงสว่างเเห่งรักที่เเท้จริง
- English Articles
- Lost in my own thoughts
- My Stoties/เรื่องราวของฉันกับพระองค์
- The Perfect Stranger_Supper with Jesus 2005
- another perfect stranger christian movie
- Interesting videos
- คลังบทความภาษาไทย
- My Facebook
- I am a Stroke Survivor!!
- พระเยซูคริสต์ ภาษาไทย Jesus Christ Thai
- Ian's Testimony.
- The Hope ความหวัง
- เกิดอะไรขึ้นที่บนไม้กางเขน
- ปฏิหาริย์พระเยซู
- คำอธิษฐาน
- รวมเพลงคริสเตียนทาง you tube
- ทำไมพระเยซูตาย?
- วิทยาศาสตร์กับพระเจ้า(คุณหมอภากร)
- Amazing Evidence For God – Scientific Evidence For God
- รวมเพลงนมัสการ
- คริสตจักรของ พระคริสต์
- Bible coursesonline
- I love You My God
- พระเจ้าที่เรามองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่เรารับรู้การมีอยู่ของพระองค์ได้
- ชีวิตของพระเยซูคริสต์
วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
Amazing Evidence For God – Scientific Evidence For God
Over
the last few decades scientists from around the world have been making
discoveries which clearly show that an intelligent designer is responsible
for the creation of the universe.
Many believe that the entire universe came into existence out of nothing by chance. But if you really think about it, nothing couldn’t bring the universe into existence, because nothing produces nothing.
Everything that begins to exist must have a cause. But many believe that to get a solar system like ours, with a planet suitable for life (like Earth), wouldn’t be that difficult. However, many scientists disagree, and have brought forth overwhelming evidence to support their position. For example, there are many forces in the universe that are precisely balanced that do things such as pull matter together.
วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561
พระเจ้างมงายเพราะพิสูจน์ไม่ได้?
Cr: คุณแชมป์ Bright Romance เเสงสว่างเเห่งรักที่เเท้จริง
พระเยซูผู้ไถ่บาปหรือคนบ้าเพื่อลวงโลก
เลือกเส้นทาง
23/10/2018
อ่าน: มัทธิว 7:13-14 | อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: เยเรมีย์ 1-2; 1 ทิโมธี 3
ประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้น ก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย - มัทธิว 7:14
ผมมีภาพถ่ายชายหนุ่มบนหลังม้าบนภูเขาในโคโลราโดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอันงดงาม เขากําลังครุ่นคิดว่าควรเลือกไปต่อในเส้นทางใด ทําให้ผมคิดถึงบทกวี “ถนนที่ไม่ได้เลือก” ของโรเบิร์ต ฟรอสต์ ซึ่งขบคิด เรื่องทางสองสายที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งสองทางดูเชิญชวนพอๆ กัน แต่เขาคงจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก เขาจึงต้องเลือกสักทาง ฟรอสต์เขียนไว้ว่า “ทางสองสายทอดเข้าไปในป่า และฉันเลือกทางที่มีคนเคยผ่านน้อยกว่า และนั่นได้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป”
ในคําเทศนาบนภูเขาของพระเยซู (มธ.5-7) พระองค์ตรัสกับผู้ฟังว่า “จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่ และทางกว้างซึ่งนําไปถึงความพินาศ และคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก เพราะว่าประตูซึ่งนําไปถึงชีวิต นั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย” (7:13-14)
ตลอดชีวิตเรา เราต้องเจอกับทางเลือกมากมายว่าควรจะไปทางใด หลายเส้นทางดูแล้วน่าจะนําไปสู่สิ่งที่ดีและน่าดึงดูดใจ แต่เส้นทางไปสู่ชีวิต มีเพียงทางเดียว พระเยซูทรงเรียกให้เราเดินไปบนทางของการเป็นสาวก และการเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า คือติดตามพระองค์แทนที่จะติดตามฝูงชน
เมื่อเราครุ่นคิดถึงหนทางข้างหน้า ขอพระเจ้าประทานสติปัญญาและความกล้าหาญแก่เราในการเดินตามทางของพระองค์ คือทางแห่งชีวิต ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งของเราและคนที่เรารัก
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขณะที่เราดำเนินชีวิตในวันนี้ โปรดให้ตาของเรามองเห็น ทางแคบที่นำไปสู่ชีวิต และประทานความกล้าให้เราเดินตามไป
จงเลือกเดินในทางแห่งชีวิตกับพระเยซู
================================================
คำเทศนา จงเข้าไปทางประตูแคบ
จงเข้าไปทางประตูแคบ มธ. 7:13-14 13 จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่และทางกว้างนั้นนำไปถึงความพินาศ และคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก 14 เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย ทางของพระเจ้า นั้นแคบแต่มีเป้าหมาย ชัดเจน คือ การอยู่กับพระคริสต์ตลอดนิรันดร แม้ยากลำบาก..แต่ทำให้ระมัดระวัง ทางกว้าง ก็มากด้วยการล่อลวง ความสะดวกสบาย..แต่นำไปสู่ความความพินาศ คริสเตียนเปรียบได้กับเรือ 3 ประเภท 1)แบบเรือลากจูง ได้แก่ คนที่สามารถติดตามพระเยซูคริสต์ได้ทุกสถานการณ์ มีพลังและความร้อนรนสามารถลากจูงคนอื่นได้ พวกเขาเป็นเหมือนกับคนที่พยายามเข้าทางประตูแคบ ตามที่พระองค์ตรัส มธ. 11:12 และตั้งแต่สมัยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาถึงทุกวันนี้ อาณาจักรแห่งสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนได้แสวงหาด้วยใจร้อนรน และผู้ที่ใจร้อนรนก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้ 2ทธ. 4:7 ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุด ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว 2) แบบเรือใบ ได้แก่ คนที่ติดตามพระเยซูเฉพาะเวลาที่มีคลื่นลมเหมาะสมเท่านั้น พวกเขามาโบสถ์วันอาทิตย์ตามโอกาส เช่น คริสต์มาส หรือตามคนอื่น หากไม่มีใครพามาจะไม่มา พวกเหล่านี้คือผู้ที่ติดตามพระเยซูผ่านทางประตูกว้าง และรู้สึกลังเลที่จะติดตามพระองค์ทางประตูแคบ แนวโน้มของพวกเขาคือทำตามอย่างคนอื่น 3) แบบเรือแพ ได้แก่ คริสเตียนแต่ชื่อ หรือ เฉพาะในทะเบียนบ้าน พวกเขาไม่ได้ติดตามพระเยซูเจ้าอย่างแท้จริง แม้ในเวลาที่คลื่นลมและโอกาสอำนวย พวกเขาจะทำก็ต่อเมื่อมีอะไรที่ผลักดันพวกเขาให้ไป เช่น ผลประโยชน์ พวกเขาปฏิบัติศาสนกิจไม่ใช่เพราะเห็นคุณค่า แต่เพราะเงื่อนไขบางอย่างที่บังคับพวกเขาให้ทำ ดังนั้น พวกเขาจึงเป็น คริสเตียนแต่ชื่อ จงพยายามเข้าทางประตูแคบ ทุกวันนี้ เราถูกท้าทายด้วยกระแสและค่านิยมของโลกหลายรูปแบบ โดยเฉพาะค่านิยมที่ว่า “คนอื่นก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น” เช่นคดโกง เอารัดเอาเปรียบ หรือประพฤติผิดศีลธรรมต่างๆ หากเราทำบ้างคงไม่เป็นไร เป็นการง่ายที่จะเข้าทางประตูกว้างหรือทำอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำกัน แต่การเดินสวนกระแสย่อมยากกว่าเสมอ แต่นี่คือการเดินทางสู่ประตูแคบ เพื่อจะได้มีชีวิตที่สนิทความสัมพันธ์กับพระเจ้า และร่วมส่วนในงานเลี้ยงนิรันดร์กับพระองค์ ตรงนี้มีความหมายที่บอกถึง การที่แต่ละคนจะต้องรับผิดชอบตนเองในเรื่องการเข้าประตูแห่งความรอด ยน. 10:9 เราเป็นประตู ถ้าผู้ใดเข้าไปทางเรา ผู้นั้นจะรอด และเขาจะเข้าออก แล้วจะพบอาหาร กจ. 4:12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า" ยน. 14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา อฟ. 2:2 ครั้งเมื่อก่อนท่านเคยดำเนินตามวิถีของโลกนี้ตามเจ้าแห่งอำนาจในย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในบุตรแห่งการไม่เชื่อฟัง สรุป ลก. 9:62 ..“ไม่มีใครที่เอามือจับคันไถแล้วหันหลังกลับ จะสมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า”.. พระเยซูทรงเป็นทางรอดเพียงทางเดียว การเข้าแผ่นดินสวรรค์ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าความดีของเรามีมากกว่าความชั่ว เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้ว คงไม่มีสักคนที่จะเข้าไปได้ “แต่ถ้าพวกเขาได้รับความรอดโดยทางพระคุณของพระเจ้า
วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561
วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561
Arise & Shine : คำพยานชีวิตคุณชุติมณฑน์
คำพยานของคุณอ้อย จะช่วยหนุนใจพี่น้องที่อยู่ในความจำกัดให้ลุกขึ้น ส่องแสงของพระคริสต์ คำพยานที่จะทำให้เรามั่นใจในพระเจ้าว่า ไม่มีใครเล็กน้อย หรือจำกัดเกินกว่าที่พระเจ้าจะใช้ได้ ขอเพียงมีใจ พระเจ้าจะทำการอัศจรรย์อย่างยิ่งใหญ่ผ่านชีวิตที่ยอมให้พระองค์ส่องสว่างแสงของพระองค์ เพราะไม่มีใครเข้าใจคนในพื้นที่ชีวิตของเราได้ดีเท่าเรา ให้เราลุกขึ้นในเป็นตัวแทนของพระองค์ เป็นมือ เป็นกระบอกเสียง เป็นอ้อมกอดของพระเจ้าให้กับผู้คนที่ต้องการความรัก และความช่วยเหลือด้วยความรักของพระองค์ด้วยกัน
แผ่นดินบริสุทธิ์ในสมัยพันธสัญญาใหม่
- ไทระและไซดอน พระเยซูทรงเปรียบเทียบโคราซินและเบธไซดากับไทระและไซดอน (มธ. ๑๑:๒๐–๒๒). พระองค์ทรงรักษาบุตรสาวของหญิงต่างชาติ (มธ. ๑๕:๒๑–๒๘).
- ภูเขาแห่งการเปลี่ยนสภาพ พระเยซูทรงเปลี่ยนสภาพต่อหน้าเปโตร, ยากอบ, และยอห์น, และพวกเขาได้รับกุญแจทั้งหลายของอาณาจักร (มธ. ๑๗:๑–๑๓). (บางคนเชื่อว่าภูเขาแห่งการเปลี่ยนสภาพคือภูเขาเฮอร์โมน; บ้างก็เชื่อว่าเป็นภูเขาทาโบร์.)
- ซีซารียา ฟีลิปปี เปโตรเป็นพยานว่าพระเยซูคือพระคริสต์และได้รับสัญญาถึงกุญแจทั้งหลายของอาณาจักร (มธ. ๑๖:๑๓–๒๐). พระเยซูทรงบอกล่วงหน้าถึงการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์เอง (มธ. ๑๖:๒๑–๒๘).
- เขตกาลิลี พระเยซูทรงอุทิศพระชนม์ชีพและการปฏิบัติศาสนกิจส่วนใหญ่ของพระองค์ในกาลิลี (มธ. ๔:๒๓–๒๕). ที่นี่พระองค์ประทานคำเทศนาบนภูเขา (มธ. ๕–๗); ทรงรักษาคนโรคเรื้อน (มธ. ๘:๑–๔); และทรงเลือก, ทรงแต่งตั้ง, และทรงส่งอัครสาวกสิบสองออกไป, ซึ่งในบรรดาคนเหล่านั้นมีเพียงยูดาสอิสคาริโอทเท่านั้นที่ปรากฏว่าไม่ใช่ชาวกาลิลี (มาระโก ๓:๑๓–๑๙). ในกาลิลีพระคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ทรงปรากฏต่อบรรดาอัครสาวก (มธ. ๒๘:๑๖–๒๐).
- ทะเลกาลิลี, ต่อมาเรียกว่าทะเลทิเบเรียส พระเยซูทรงสอนจากเรือของเปโตร (ลูกา ๕:๑–๓) และทรงเรียกเปโตร, อันดรูว์, ยากอบ, และ ยอห์นเป็นผู้หาคนดั่งหาปลา (มธ. ๔:๑๘–๒๒; ลูกา ๕:๑–๑๑). พระองค์ยังทรงห้ามพายุอีกด้วย (ลูกา ๘:๒๒–๒๕), ทรงสอนคำอุปมาจากเรือ (มธ. ๑๓), ทรงดำเนินบนทะเล (มธ. ๑๔:๒๒–๓๒), และทรงปรากฏต่อบรรดาสานุศิษย์ของพระองค์หลังการฟื้นคืนพระชนม์ (ยอห์น ๒๑).
- เบธไซดา เปโตร, อันดรูว์, และฟีลิปเกิดในเบธไซดา (ยอห์น ๑:๔๔). พระเยซูเสด็จออกไปใกล้เบธไซดาเป็นการส่วนพระองค์กับบรรดาอัครสาวก. ฝูงชนตามพระองค์ไป, และพระองค์ทรงเลี้ยงคน ๕,๐๐๐ คน (ลูกา ๙:๑๐–๑๗; ยอห์น ๖:๑–๑๔). ที่นี่พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด (มาระโก ๘:๒๒–๒๖).
- คาเปอรนาอุม ที่นี่เป็นบ้านของเปโตร (มธ. ๘:๕, ๑๔). ในคาเปอรนาอุม, ซึ่งมัทธิวเรียกว่าเมืองของพระเยซู “เมืองของพระองค์เอง”, พระเยซูทรงรักษาคนง่อย (มธ. ๙:๑–๗; มาระโก ๒:๑–๑๒), ทรงรักษาคนรับใช้ของนายร้อย, ทรงรักษาแม่ยายของเปโตร (มธ. ๘:๕–๑๕), ทรงเรียกมัทธิวให้เป็นหนึ่งในอัครสาวกของพระองค์ (มธ. ๙:๙), ทรงเปิดดวงตาของคนตาบอด, ทรงขับมาร (มธ. ๙:๒๗–๓๓), ทรงรักษาชายที่มือลีบในวันสะบาโต (มธ. ๑๒:๙–๑๓), ประทานโอวาทเรื่องอาหารแห่งชีวิต (ยอห์น ๖:๒๒–๖๕), และทรงเห็นด้วยเรื่องการจ่ายภาษี, โดยรับสั่งให้เปโตรหยิบเงินจากปากของปลา (มธ. ๑๗:๒๔–๒๗).
- มักดาลา นี่คือบ้านของมารีย์ชาวมักดาลา (มาระโก ๑๖:๙). พระเยซูเสด็จมาที่นี่หลังจากเลี้ยงคน ๔,๐๐๐ คน (มธ. ๑๕:๓๒–๓๙), และพวกฟาริสีกับพวกสะดูสีขอให้พระองค์ทรงแสดงเครื่องหมายจากสวรรค์แก่พวกเขา (มธ. ๑๖:๑–๔).
- คานา พระเยซูทรงทำให้น้ำกลายเป็นเหล้าองุ่น (ยอห์น ๒:๑–๑๑) และทรงรักษาบุตรชายของข้าราชการซึ่งอยู่ที่คาเปอรนาอุม (ยอห์น ๔:๔๖–๕๔). คานาเป็นบ้านของนาธานาเอลด้วย (ยอห์น ๒๑:๒).
- นาซาเร็ธ เทวประกาศถึงมารีย์กับโยเซฟเกิดขึ้นในนาซาเร็ธ (มธ. ๑:๑๘–๒๕; ลูกา ๑:๒๖–๓๘; ๒:๔–๕). เมื่อกลับจากอียิปต์แล้ว, พระเยซูทรงเจริญวัยที่นี่ในวัยเด็กและวัยหนุ่ม (มธ. ๒:๑๙–๒๓; ลูกา ๒:๕๑–๕๒), ทรงประกาศว่าพระองค์คือพระเมสสิยาห์, และทรงถูกปฏิเสธจากผู้คนของพระองค์เอง (ลูกา ๔:๑๔–๓๒).
- เยรีโค พระเยซูทรงรักษาคนตาบอดให้มองเห็นได้ (ลูกา ๑๘:๓๕–๔๓). พระองค์เสวยพระกระยาหารกับศักเคียส, “นายด่านภาษี” (ลูกา ๑๙:๑–๑๐).
- เบธาบารา ยอห์น ผู้ถวายบัพติศมาเป็นพยานว่าเขาคือ “เสียงของผู้ที่ร้องประกาศในถิ่นทุรกันดาร” (ยอห์น ๑:๑๙–๒๘). ยอห์นถวายบัพติศมาพระเยซูในแม่น้ำจอร์แดนและเป็นพยานว่าพระเยซูคือพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า (ยอห์น ๑:๒๘–๓๔).
- แดนทุรกันดารยูเดีย ยอห์น ผู้ถวายบัพติศมาสั่งสอนในแดนทุรกันดารนี้ (มธ. ๓:๑–๔), ซึ่งที่นั่นพระเยซูทรงอดอาหาร ๔๐ วันและทรงถูกล่อลวง (มธ. ๔:๑–๑๑).
- เอมมาอูส พระคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ทรงดำเนินบนถนนสู่เอมมาอูสพร้อมกับสานุศิษย์สองคนของพระองค์ (ลูกา ๒๔:๑๓–๓๒).
- เบธฟายี สานุศิษย์สองคนจูงลูกลาตัวหนึ่งมาให้พระเยซูและพระองค์ทรงลาตัวนั้นเข้าไปในเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต (มธ. ๒๑:๑–๑๑).
- เบธานี นี่คือบ้านของมารีย์, มารธา, และลาซารัส (ยอห์น ๑๑:๑). มารีย์ได้ยินพระวจนะของพระเยซู, และพระเยซูรับสั่งกับมารธาเรื่องการเลือก “ส่วนดี” (ลูกา ๑๐:๓๘–๔๒); พระเยซูทรงทำให้ลาซารัสลุกขึ้นจากความตาย (ยอห์น ๑๑:๑–๔๔); และมารีย์เจิมพระบาทของพระเยซู (มธ. ๒๖:๖–๑๓; ยอห์น ๑๒:๑–๘).
- เบธเลเฮม พระเยซูประสูติและมารีย์วางพระองค์ไว้ในรางหญ้า (ลูกา ๒:๑–๗); เหล่าเทพส่งข่าวแก่บรรดาคนเลี้ยงแกะถึงการประสูติของพระเยซู (ลูกา ๒:๘–๒๐); ดาวดวงหนึ่งนำทางบรรดาโหราจารย์ไปเฝ้าพระเยซู (มธ. ๒:๑–๑๒); และเฮโรดสังหารเด็ก ๆ (มธ. ๒:๑๖–๑๘).
วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561
สอนลูกวัยรุ่นให้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย
ปัญหา
เมื่อ คุณ ดู ข่าว แล้ว เห็น ว่า อินเทอร์เน็ต ถูก ใช้ เป็น เครื่อง มือ ใน การ กลั่นแกล้ง บน โลก ออนไลน์ การ ล่อ ลวง ทาง เพศ และ การ ขโมย ข้อมูล ส่วน ตัว คุณ คง รู้สึก เป็น ห่วง ลูก วัยรุ่น ของ คุณ ที่ ชอบ ออนไลน์ บ่อย ๆ และ ดู เหมือน ลูก ก็ ไม่ รู้ ว่า ตัว เอง อาจ ตก เป็น เหยื่อ ได้
คุณ สามารถ ช่วย ลูก วัยรุ่น ของ คุณ ให้ ใช้ อินเทอร์เน็ต อย่าง ปลอด ภัย ได้ แต่ ก่อน อื่น ขอ ให้ คิด ถึง บาง อย่าง ที่ คุณ ควร รู้ เกี่ยว กับ โลก ออนไลน์
สิ่ง ที่ คุณ ควร รู้
วัยรุ่น ออนไลน์ ผ่าน มือ ถือ หรือ แท็บเล็ต ได้ การ ตั้ง คอมพิวเตอร์ ไว้ ตรง จุด ที่ ทุก คน ใน บ้าน มอง เห็น ได้ นับ ว่า เป็น กฎ ที่ ดี แต่ มือ ถือ และ แท็บเล็ต ก็ เชื่อม ต่อ อินเทอร์เน็ต ได้ ลูก ของ คุณ จึง ออนไลน์ ได้ อย่าง ง่าย ดาย โดย ที่ คุณ ไม่ รู้ เลย ว่า เขา กำลัง ดู อะไร หรือ คุย กับ ใคร
วัยรุ่น บาง คน ใช้ เวลา ออนไลน์ มาก เกิน ไป สาว วัย 19 ยอม รับ ว่า “ตอน เปิด คอมพิวเตอร์ ฉัน กะ ว่า จะ เช็ค อีเมล สัก 5 นาที เท่า นั้น แต่ ไป ๆ มา ๆ ฉัน กลับ นั่ง ดู วีดีโอ เป็น ชั่วโมง ๆ ฉัน ต้อง ควบคุม ตัว เอง ให้ มาก กว่า นี้”
วัยรุ่น อาจ เปิด เผย เรื่อง ส่วน ตัว มาก เกิน ไป บน โลก ออนไลน์ คน ที่ มี เจตนา ไม่ ดี อาจ ปะติดปะต่อ ข้อมูล ที่ ได้ จาก คอมเมนต์ (ความ คิด เห็น) และ รูป ภาพ ของ ลูก เช่น ข้อมูล ว่า เขา อยู่ ที่ ไหน ไป โรง เรียน อะไร และ ตอน ไหน ที่ ไม่ มี ใคร อยู่ บ้าน
วัยรุ่น บาง คน ไม่ รู้ ว่า สิ่ง ที่ เขา โพสต์ จะ ก่อ ผล อะไร ตาม มา รูป ภาพ หรือ ข้อ ความ ที่ โพสต์ (ส่ง) บน อินเทอร์เน็ต ก็ จะ อยู่ อย่าง นั้น ไป ตลอด สิ่ง ที่ น่า อาย ซึ่ง บาง คน คิด ว่า เขา ลบ ออก ไป แล้ว อาจ มี คน เข้า ไป อ่าน หรือ พบ เจอ ใน ภาย หลัง ได้ เช่น บาง ครั้ง นาย จ้าง อาจ ดู ประวัติ ของ ผู้ สมัคร งาน โดย ใช้ ข้อมูล จาก โลก ออนไลน์ ด้วย
แม้ ว่า มี หลาย อย่าง ที่ ดู น่า เป็น ห่วง แต่ ขอ ให้ จำ ไว้ ว่า อินเทอร์เน็ต ไม่ ใช่ ศัตรู ของ คุณ แทน ที่ จะ เป็น อย่าง นั้น การ ใช้ อย่าง ไม่ ฉลาด ต่าง หาก ที่ จะ ทำ ให้ เกิด ปัญหา
สิ่ง ที่ คุณ ทำ ได้
สอน ลูก ให้ รู้ จัก จัด ลำดับ ความ สำคัญ และ แบ่ง เวลา ให้ ถูก ถ้า เรา อยาก ให้ ลูก โต ขึ้น เป็น ผู้ ใหญ่ ที่ มี ความ รับผิดชอบ ต้อง สอน ให้ เขา รู้ ว่า ควร ทำ สิ่ง ไหน ก่อน หลัง การ พูด คุย กัน ใน ครอบครัว การ บ้าน และ งาน บ้าน เป็น สิ่ง ที่ สำคัญ กว่า การ เอา แต่ เล่น อินเทอร์เน็ต ไป เรื่อย เปื่อย ถ้า ลูก ใช้ เวลา ออนไลน์ มาก จน น่า เป็น ห่วง คุณ ต้อง จำกัด เวลา หรือ ถ้า จำเป็น อาจ ถึง กับ ต้อง ใช้ นาฬิกา จับ เวลา กัน เลย ที เดียว—คำ แนะ นำ ใน คัมภีร์ ไบเบิล: ฟิลิปปอย 1:10
สอน ลูก ให้ คิด ก่อน โพสต์ ช่วย ลูก วัยรุ่น ให้ คิด ว่า คอมเมนต์ ที่ ฉัน กำลัง จะ โพสต์ มัน จะ ทำ ให้ คน อื่น เสียใจ หรือ เจ็บใจ ไหม? ชื่อเสียง ของ ฉัน จะ เสียหาย ไหม ถ้า โพสต์ รูป นี้ ไป? ฉัน จะ รู้สึก อับอาย ไหม ถ้า พ่อ แม่ หรือ ผู้ ใหญ่ คน อื่น มา เห็น รูป หรือ คอมเมนต์ นี้ เข้า? คน อื่น จะ คิด ว่า ฉัน เป็น คน อย่าง ไร ถ้า เขา เห็น รูป นี้? ฉัน จะ คิด อย่าง ไร ถ้า เห็น คน อื่น โพสต์ รูป หรือ คอมเมนต์ แบบ นี้?—คำ แนะ นำ ใน คัมภีร์ ไบเบิล: สุภาษิต 10:23
สอน ลูก ให้ รู้ จัก คิด ว่า อะไร ถูก อะไร ผิด ไม่ ใช่ เอา แต่ ตั้ง กฎ คุณ ไม่ มี ทาง จะ ตาม ดู ลูก ได้ ทุก ฝี ก้าว ว่า เขา ทำ อะไร บ้าง ใน แต่ ละ วัน ดัง นั้น เป้าหมาย ของ พ่อ แม่ คือ ไม่ ใช่ คอย ควบคุม ลูก แต่ ช่วย ลูก ให้ “ฝึก ใช้ วิจารณญาณ เพื่อ จะ แยก ออก ว่า อะไร ถูก อะไร ผิด” (ฮีบรู 5:14) ดัง นั้น แทน ที่ จะ เน้น แต่ กฎเกณฑ์ และ การ ลง โทษ เป็น หลัก คุณ น่า จะ ฝึก ลูก ให้ รู้ จัก คิด อย่าง มี เหตุ ผล ว่า เขา อยาก มี ชื่อเสียง แบบ ไหน? อยาก ให้ คน อื่น รู้ จัก เขา ว่า เป็น คน แบบ ไหน? เป้าหมาย ของ คุณ คือ ช่วย ลูก วัยรุ่น ให้ รู้ จัก ตัดสิน ใจ อย่าง ฉลาด สุขุม เสมอ ไม่ ว่า ตอน นั้น คุณ จะ อยู่ ด้วย หรือ ไม่—คำ แนะ นำ ใน คัมภีร์ ไบเบิล: สุภาษิต 3:21
“ถึง วัยรุ่น จะ รู้ เรื่อง เทคโนโลยี มาก กว่า แต่ พ่อ แม่ ก็ รู้ เรื่อง ชีวิต มาก กว่า”
การ ท่อง โลก อินเทอร์เน็ต ก็ เหมือน กับ การ ขับ รถ ไม่ ใช่ แค่ รู้ วิธี ขับ แต่ ต้อง รู้ จัก ใช้ วิจารณญาณ ใน การ ตัดสิน ใจ ด้วย คำ แนะ นำ ของ พ่อ แม่ จึง เป็น สิ่ง สำคัญ มาก ดัง ที่ เพอร์รี อัฟแท็บ ผู้ เชี่ยวชาญ ด้าน ความ ปลอด ภัย ของ อินเทอร์เน็ต กล่าว ไว้ ว่า “ถึง วัยรุ่น จะ รู้ เรื่อง เทคโนโลยี มาก กว่า แต่ พ่อ แม่ ก็ รู้ เรื่อง ชีวิต มาก กว่า”
ป้ายกำกับ:
สอนลูกวัยรุ่นให้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)