คลังบทความภาษาไทย

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

บอกรักเธอทุกครั้งที่มีโอกาส / saying in time: “I LOVE YOU”



หลังจาก 21 ปีของการแต่งงาน  ภรรยาของผมต้องการให้ผมพาผู้หญิงอีกคนหนึ่งออกไปรับประทานอาหารค่ำและดูภาพยนตร์ เธอกล่าวว่า "ฉันรักคุณ แต่ฉันรู้ว่ามีผู้หญิงคนอื่นรักคุณอยู่ด้วยและเธออยากที่จะใช้เวลากับคุณ."


ผู้หญิงคนอื่น  ที่ภรรยาของผมต้องการให้ผมไปเยี่ยมเป็นแม่ม่ายอยู่คนเดียวมา 19 ปี แต่ผมมัวแต่ใช้เวลาให้หมดไปกับการทำงานและลูกทั้งสามของผม มันทำให้ผมไปเยี่ยมเธอที่บ้านได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น


คืนนั้นผมโทรศัพท์ไปนัดเชิญเธอออกไปทานอาหารค่ำและดูภาพยนตร์ด้วยกัน เธอระล่ำระลักถามผมว่า "มีอะไรหรือเปล่าแล้วลูกสบายดีหรือไม่" 


แม่ของผมเป็นผู้หญิงโบราณประเภทที่คิดว่าการโทรศัพท์หากันหรือการเชิญกันเป็นสัญญาณของข่าวร้าย

ผมตอบเธอว่า"ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่สวยงามที่จะใช้เวลาพิเศษกับแม่นะครับ" ผมตอบ "แค่เราสองคนเท่านั้นครับแม่." เธอหยุดคิดสักครู่แล้วกล่าวว่า "ตกลง แม่ตกลง ยินดีรับนัดจ้ะ."


ในที่สุดวันศุกร์หลังเลิกงานขณะที่ผมขับรถไปรับแม่ผมที่คฤหาสน์อันเงียบเหงาของเธอ เมื่อผมมาถึง ผมสังเกตเห็นว่าเธอก็ดูเหมือนจะตื่นเต้นกับวันสำคัญของเรา แม่ยืนรออยู่ที่ประตูถือเสื้อกันหนาว แม่ม้วนผมเป็นลอนตบแต่งสวยงามและเสื้อผ้าที่แม่สวมใส่คือชุดที่แม่ใส่ไปฉลองวันครบรอบแต่งงานครั้งสุดท้ายของแม่ ผมมองดูรอยยิ้มจากใบหน้าที่กระจ่างใสของแม่ที่เหมือนใบหน้าของทูตสวรรค์

แม่เอ่ยขึ้นขณะที่ก้าวเข้ามาในรถว่า "แม่บอกเพื่อน ๆ ว่าแม่กำลังจะออกไปข้างนอกกับลูกชายของแม่ และพวกเพื่อน ๆ ประทับใจและตื่นเต้นกับแม่มาก พวกเขาไม่สามารถอดทนรอฟังเรื่องราวที่เราจะคุยกันในคืนนี้ของเรา."

เราไปที่ร้านอาหารที่เรียบง่ายสะอาดสะอ้านแต่อาจจะไม่สวยงามเริดหรู  แต่แม่ของผมก็ยังอุตส่าห์สอดมือมาคล้องแขนของผมราวกับว่าเธอเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง หลังจากที่เรานั่งลงแล้ว ในขณะที่ผมอ่านเมนูผมนึกขึ้นได้ว่า แม่ผมตาไม่ดี เดียวนี้เธอสามารถอ่านหนังสือเฉพาะตัวพิมพ์ขนาดใหญ่เท่านั้น เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมองไปทางแม่ ผมก็เห็นแม่นั่งอยู่ที่นั่นจ้องมองมาที่ผม แม่มีรอยยิ้มอ่อน ๆอยู่บนริมฝีปากและพูดว่า "แม่ต้องอ่านเมนูให้หนูฟังจำได้ไหมเมื่อตอนลูกยังเล็ก ๆอยู่ "

ผมตอบแม่ว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ถึงเวลาที่แม่ต้องผ่อนคลายและให้ผมอ่านให้แม่ฟังมั่งนะครับ"

ในระหว่างการรับประทานอาหารค่ำเราสนทนากันอย่างอบอุ่น - ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ผลัดกันเล่าเหตุการณ์ล่าสุดของชีวิตของเราและแต่ละคนที่เรารู้จัก สรุปเราคุยกันอย่างออกรส จนพลาดภาพยนตร์ที่จะดู

เมื่อเรากลับมาถึงที่บ้านของแม่  แม่กล่าวว่า "แม่จะออกไปทานข้างนอกกับลูกอีกนะ  แต่ถ้าลูกต้องให้แม่เป็นฝ่ายเชิญลูกนะ" ผมตอบตกลง

เมื่อกลับถึงบ้าน ภรรยาผมถามว่า "เป็นไงมั่ง นัดทานข้าวกับผู้หญิงของคุณ" ผมตอบเธอว่า " วิเศษมาก มันดีกว่าที่ผมคาดคิดไว้อีก"


ไม่กี่วันต่อมาแม่ของผมก็เสียชีวิตจากอาการโรคหัวใจวาย มันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ผมช็อค กับข่าวที่ได้รับ และรู้สึกผิดเพราะว่าผมไม่ได้มีโอกาสที่จะทำอะไรเพื่อแม่เลย


ไม่นานต่อมาผมก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากแม่ที่มีสำเนาใบเสร็จรับเงินร้านอาหาร สถานที่เดียวกับที่แม่และผมได้ไปทานรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน ในซองนั้นมีจดหมายเขียนมาด้วยว่า "แม่ได้จ่ายเงินค่าอาหารล่วงหน้านี้ ให้กับทางร้านแล้ว.......แต่ไม่แน่ใจว่าแม่จะมีโอกาสได้ไปด้วยหรือเปล่า แต่แม่ก็ได้จ่ายเงินสำหรับสองคนแล้วนะจัะ - สำหรับลูกและ สำหรับภรรยาของลูก ลูกรู้ไหมว่าคืนนั้นมันมีความหมายสำหรับแม่มาก   แม่รักลูกชายของแม่เสมอ. "


ณ.นาทีนั้นผมเข้าใจความสำคัญของคำพูดที่ว่า "ผมรักคุณ" "ผมรักแม่" หรือใครก็ตามที่เรารัก เพื่อให้คนที่เรารัก ได้ยิน เราควรพูดในเวลาที่พวกเขาสมควรจะได้ยิน ในชีวิตไม่มีอะไรสำคัญกว่าครอบครัวของคุณ ให้พวกเขามีเวลาที่พวกเขาสมควรได้รับเพราะสิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถผลัดวันประกันพรุ่งว่า " เอาไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยพูด" มันไม่เหมือนเรื่อง อื่น ๆ ครับ

แปลโดย: วารีนา**********************************************************************
After 21 years of marriage, my wife wanted me to take another woman out to dinner and a movie. She said, “I love you, but I know this other woman loves you and would love to spend some time with you.”

The other woman that my wife wanted me to visit was my MOTHER, who has been a widow for 19 years, but the demands of my work and my three children had made it possible to visit her only occasionally

. That night I called to invite her to go out for dinner and a movie. “What’s wrong, are you well?” she asked.

My mother is the type of woman who suspects that a late night call or a surprise invitation is a sign of bad news. “I thought that it would be pleasant to spend some time with you,” I responded. “Just the two of us.” She thought about it for a moment, and then said, “I would like that very much.”


That Friday after work, as I drove over to pick her up I was a bit nervous. When I arrived at her house, I noticed that she, too, seemed to be nervous about our date. She waited in the door with her coat on. She had curled her hair and was wearing the dress that she had worn to celebrate her last wedding anniversary. She smiled from a face that was as radiant as an angel’s. “I told my friends that I was going to go out with my son, and they were impressed, “she said, as she got into the car. “They can’t wait to hear about our meeting.”


We went to a restaurant that, although not elegant, was very nice and cozy. My mother took my arm as if she were the First Lady. After we sat down, I had to read the menu. Her eyes could only read large print. Half way through the entries, I lifted my eyes and saw Mom sitting there staring at me. A nostalgic smile was on her lips. “It was I who used to have to read the menu when you were small,” she said. “Then it’s time that you relax and let me return the favor,” I responded. During the dinner, we had an agreeable conversation – nothing extraordinary but catching up on recent events of each other’s life. We talked so much that we missed the movie. As we arrived at her house later, she said, “I’ll go out with you again, but only if you let me invite you.” I agreed.


“How was your dinner date?” asked my wife when I got home. “Very nice. Much more so than I could have imagined,” I answered.


A few days later, my mother died of a massive heart attack. It happened so suddenly that I didn’t have a chance to do anything for her. Some time later, I received an envelope with a copy of a restaurant receipt from the same place mother and I had dined. An attached note said: “I paid this bill in advance. I wasn’t sure that I could be there; but nevertheless, I paid for two plates – one for you and the other for your wife. You will never know what that night meant for me. I love you, son.”


At that moment, I understood the importance of saying in time: “I LOVE YOU” and to give our loved ones the time that they deserve. Nothing in life is more important than your family. Give them the time they deserve, because these things cannot be put off till “some other time.”





2 ความคิดเห็น:

  1. sometimes God tells us to do things and he may have with the daughter in law, such a wonderful gesture. Often we are so busy one day runs into another, then the people we love have moved on or passed and we feel so lost and guilty. Make time for those you love and care about.

    ตอบลบ
  2. Made me cry. The last time I tried to take my mom out to eat she cried from fear because her Alzheimer's has made the world such a scary place for her...so if your parents are still healthy enough to do things with you be sure you take advantage of it!

    ตอบลบ